BEHIND THE ICON : Peaceminusone : ชวนรู้จัก Peaceminusone แบรนด์แห่งเสรีภาพจาก G-DRAGON

BEHIND THE ICON : Peaceminusone : ชวนรู้จัก Peaceminusone แบรนด์แห่งเสรีภาพจาก G-DRAGON

  “สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพจากปกอัลบั้มสู่งานแสดงศิลปะ” ในวินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘ควอน จียง’ หรือ ‘G-Dragon’ ลีดเดอร์แห่ง BIG BANG วงบอยแบนด์ในตำนาน ผู้เป็นหนึ่งในเบื้องหลังของ Peaceminusone แบรนด์สุดไฮป์ที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักกันให้มากขึ้นในวันนี้กับคอนเทนต์ Carnival Behind the Icon!

 ศิลปินผู้มากความสามารถผู้ถูกขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่ง K-POP” ได้จับมือกับ จีอึน (Gee-Eun) เพื่อนสนิทที่เป็นสไตลิสต์คู่ใจของเขาและวง BIGBANG มาอย่างยาวนานร่วมกันเปิดตัวแบรนด์ “Peaceminusone” เมื่อปี 2016 โดยชื่อและโลโก้ของแบรนด์มีจุดเริ่มต้นมาจากอัลบั้ม “Coup d’Etat” ของ G-Dragon ในปี 2013 ที่มีปกอัลบั้มเป็น ‘Peace Sign’ หรือสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ แต่มีความต่างไปนิดนึงคือ “เส้น” แนวแทยงด้านขวาของสัญลักษณ์เสรีภาพนั้นถูก “ลบ” ออกไปทำให้สามารถเห็นเป็นตัวอักษร G และ D ที่ต่อกัน ซึ่งไม่ได้เป็นแค่การนำเสนอชื่อย่อของ G-Dragon เพียงเท่านั้น แต่ยังตรงกับความหมายของชื่อแบรนด์ Peaceminusone หรือ “เสรีภาพลบหนึ่ง(เส้น)” ด้วยเช่นกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า G-Dragon เป็นศิลปินที่มีความสามารถหลากหลาย และความคิดสร้างสรรค์ของเขาคนนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่บนเวทีเท่านั้น เพราะย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 เราได้เห็นคอนเซปของแบรนด์ Peaceminusone เริ่มต้นด้วยการเป็นงานแสดงศิลปะที่ Seoul Meseum of Art ในชื่อเดียวกันคือ Peaceminusone : Beyond the Stage ที่นำวิสัยทัศน์และจินตนาการของ G-Dragon ในคอนเซปของเสรีภาพออกมาจัดแสดง ผ่านการ Collaboration ร่วมกับศิลปินต่างๆ ทั่วโลกที่รังสรรค์ผลงานโดยใช้อินสไปเรชั่นจากวัฒนธรรม Pop และศิลปะสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีส่วนวิดิโอของBIGBANG มาจัดแสดงอีกด้วย ผลงานทั้งหมดมีจำนวนถึง 200 ชิ้น และร่วมสร้างสรรค์กับศิลปินชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Michael Scoggins, Sophie Clements และ James Clar

 

 

 ต่อมาในปี 2016 ทั้งโลกก็ได้ยลโฉม Peaceminusone ในรูปแบบแบรนด์สตรีทแวร์ออนไลน์ โดยนอกจากสัญลักษณ์เสรีภาพที่เป็นจุดขายมาตั้งแต่อัลบั้ม Coup d’Etat แล้วเราก็ได้เห็นสัญลักษณ์ดอกเดซี่ ที่มีการ “ลบ” หายไปหนึ่งกลีบ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ฮอตฮิตเอามากๆ ทำให้ในเวลาต่อมา กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง จนเกิดเป็นกระแสการลอกเลียนแบบขึ้นมาพักหนึ่งเลยทีเดียว และในปี 2017 ก็เริ่มมีการพบเห็นแบรนด์ในรูปแบบ Pop-Up Store ต่างๆ ทั่วกรุงโซล ก่อนที่ Limited Store จะเปิดตามมาหลากหลายแห่งทั่วโลก และกลายเป็นที่พูดถึงในซีนแฟชั่นระดับนานาชาติ ด้วยสไตล์เฉพาะตัวแต่แฝงไปด้วยความเรียบง่ายทำให้เหล่าเซเลบระดับแนวหน้าของโลกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Jennie Blackpink, Fan Bingbing, Angelababy หรือแม้แต่ Bella Hadid ก็ล้วนใส่ Peaceminusone กันมาหมดเเล้ว

ความปังของแบรนด์นี้ไม่ได้จบอยู่เพียงแค่เครื่องแต่งกายเท่านั้น เพราะว่าทีเด็ดที่แท้จริงที่แฟนๆ ต่างก็รู้กันดีก็คือ Collaboration ที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ในแต่ละครั้งนั้นก็ล้วนเชิญชวนให้ทั่วโลกได้หันมาจับตามองย้อนไป 2 ปีก่อนสร้างแบรนด์เมื่อปี 2014 G-Dragon ก็ได้ใช้ชื่อ Peaceminusone ในการร่วมงานกับ Chow Tai Fook Group ในการปล่อยคอลเลคชั่น Jewellery ของเขาเอง และในปี 2015 G-Dragon ก็ได้ร่วมงานกับ Giuseppe Zanotti ดีไซนเนอร์รองเท้าลักซ์ชูรี่ชาวอิตาเลี่ยนสร้าง Capsule Collection สุดพิเศษขึ้นมา และแน่นอนว่าหลังจากเปิดแบรนด์ Peaceminusone อย่างเป็นทางการในปี 2016 การ Collaboration ก็ย่อมเดือดมากยิ่งขึ้นด้วยไม่ว่าจะเป็น Verbal และ Yoon Ahn จากแบรนด์ AMBUSH หรือจะเป็นนิตยสารอย่าง VOGUE และแบรนด์บิ๊กเนมต่างๆ อีกมากมายเช่น Colette, Fragment, Levi’s หรือแม้แต่ไอคอนแห่งวัฒนธรรมอย่าง Mickey Mouse และเครื่องดื่ม Red Bull ก็เอากับเขาด้วย!

 

 

 

 แต่ที่พลาดไม่ได้เป็นอย่างมากในฐานะ ‘Sneakerhead’ ก็ต้องเป็นการร่วมงานกับ Nike เริ่มด้วยโปรเจคแรกในปี 2019 ในโมเดล Air Force 1: Para-Noise โดดเด่นด้วยสไตล์การดีไซน์จากงานกราฟฟิตี้และเพลงฮิปฮอปที่เป็นความชื่นชอบของ G-Dragon อีกทั้งยังมีลูกเล่นสนุกๆ ซุกซ่อนอยู่เมื่อใช้งานรองเท้าไปเป็นเวลาหนึ่งพื้นผิวสีดำของบริเวณอัปเปอร์ก็จะลอกออก เผยให้เห็นอาร์ทเวิคสุดพิเศษที่ดีไซน์โดย G-Dragon เองเป็นการนำไอเดียของงานศิลปะมาผสมผสานได้อย่างลงตัว เสริมความเฉพาะตัวด้วยสัญลักษณ์เสรีภาพและ ดอกเดซี่กลีบแหว่ง ต่อมาในปี 2020 เวอร์ชั่น 2.0 ของ Air Force 1: Para-Noise ก็ถือกำเนิดขึ้นในรูปแบบสีขาว ที่กลายเป็นหนึ่งในรองเท้าที่ดีและแพงที่สุดแห่งปี ปิดท้ายด้วยปี 2021 กับรุ่น Kwondo 1 ที่อินสไปร์มาจากกีฬาเทควอนโด ด้วยคอนเซปของเสรีภาพและชื่อที่มาจาก Kwon (จาก “ควอน” จียง ชื่อจริงของ G-Dragon) และ Do จากสโลแกนคลาสสิคตลอดกาลของ Nike อย่าง Just “Do” It นั่นเอง

และในปี 2023 นี้เราก็ได้เห็นการกลับมาของ Kwondo 1 อีกครั้งด้วยรูปโฉมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก การผสมผสานดีไซน์ของรองเท้าทางการ และสปอร์ตแวร์แบบย้อนยุคเข้าไว้ด้วยกัน โดยตัวรองเท้าจะมาพร้อมกับวัสดุหนังแบบพรีเมี่ยม เสริมด้วยลวดลายสไตล์ Brogue สุดปราณีต คราวนี้ Kwondo 1 พิเศษกว่าเดิมด้วยคู่สี Black & White สีตัดสลับกันอย่างมีเสน่ห์ที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของรองเท้า Loafer Two Tone ที่นิยมใส่กับชุด Tuxedo มาดัดแปลงและยังนำเอาเอกลักษณ์เฉพาะของรองเท้า Dress Shoes อย่าง Wingtip และดีไซน์ของสัญลักษณ์เสรีภาพตามแบบฉบับ Peaceminusone และ ดอกเดซี่ไร้กลีบสุดคลาสสิคเอาไว้ เป็นแบรนดดิ้งระดับซิกเนเจอร์ที่สาวก G-Dragon ต้องไม่พลาด!

และเเน่นอนว่าเหมือนทุกครั้งทางร้าน Carnivalbkk ของเราก็ได้นำ Kwondo 1 รุ่นนี้มาวางจำหน่ายแบบ Raffle พร้อมด้วยคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่ทำให้ลุคนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุด ใครที่กำลังรอคอยกันอยู่ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!

 

#Nike #nikesportswear #Peaceminusone#Kwondo1 #carnivalbkk

By Carnivalbkk
1222 view(s)
1 year ago
BEHIND THE ICON : Peaceminusone : ชวนรู้จัก Peaceminusone แบรนด์แห่งเสรีภาพจาก G-DRAGON

BEHIND THE ICON : Peaceminusone : ชวนรู้จัก Peaceminusone แบรนด์แห่งเสรีภาพจาก G-DRAGON

  “สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพจากปกอัลบั้มสู่งานแสดงศิลปะ” ในวินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘ควอน จียง’ หรือ ‘G-Dragon’ ลีดเดอร์แห่ง BIG BANG วงบอยแบนด์ในตำนาน ผู้เป็นหนึ่งในเบื้องหลังของ Peaceminusone แบรนด์สุดไฮป์ที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักกันให้มากขึ้นในวันนี้กับคอนเทนต์ Carnival Behind the Icon!

 ศิลปินผู้มากความสามารถผู้ถูกขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่ง K-POP” ได้จับมือกับ จีอึน (Gee-Eun) เพื่อนสนิทที่เป็นสไตลิสต์คู่ใจของเขาและวง BIGBANG มาอย่างยาวนานร่วมกันเปิดตัวแบรนด์ “Peaceminusone” เมื่อปี 2016 โดยชื่อและโลโก้ของแบรนด์มีจุดเริ่มต้นมาจากอัลบั้ม “Coup d’Etat” ของ G-Dragon ในปี 2013 ที่มีปกอัลบั้มเป็น ‘Peace Sign’ หรือสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ แต่มีความต่างไปนิดนึงคือ “เส้น” แนวแทยงด้านขวาของสัญลักษณ์เสรีภาพนั้นถูก “ลบ” ออกไปทำให้สามารถเห็นเป็นตัวอักษร G และ D ที่ต่อกัน ซึ่งไม่ได้เป็นแค่การนำเสนอชื่อย่อของ G-Dragon เพียงเท่านั้น แต่ยังตรงกับความหมายของชื่อแบรนด์ Peaceminusone หรือ “เสรีภาพลบหนึ่ง(เส้น)” ด้วยเช่นกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า G-Dragon เป็นศิลปินที่มีความสามารถหลากหลาย และความคิดสร้างสรรค์ของเขาคนนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่บนเวทีเท่านั้น เพราะย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 เราได้เห็นคอนเซปของแบรนด์ Peaceminusone เริ่มต้นด้วยการเป็นงานแสดงศิลปะที่ Seoul Meseum of Art ในชื่อเดียวกันคือ Peaceminusone : Beyond the Stage ที่นำวิสัยทัศน์และจินตนาการของ G-Dragon ในคอนเซปของเสรีภาพออกมาจัดแสดง ผ่านการ Collaboration ร่วมกับศิลปินต่างๆ ทั่วโลกที่รังสรรค์ผลงานโดยใช้อินสไปเรชั่นจากวัฒนธรรม Pop และศิลปะสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีส่วนวิดิโอของBIGBANG มาจัดแสดงอีกด้วย ผลงานทั้งหมดมีจำนวนถึง 200 ชิ้น และร่วมสร้างสรรค์กับศิลปินชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Michael Scoggins, Sophie Clements และ James Clar

 

 

 ต่อมาในปี 2016 ทั้งโลกก็ได้ยลโฉม Peaceminusone ในรูปแบบแบรนด์สตรีทแวร์ออนไลน์ โดยนอกจากสัญลักษณ์เสรีภาพที่เป็นจุดขายมาตั้งแต่อัลบั้ม Coup d’Etat แล้วเราก็ได้เห็นสัญลักษณ์ดอกเดซี่ ที่มีการ “ลบ” หายไปหนึ่งกลีบ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ฮอตฮิตเอามากๆ ทำให้ในเวลาต่อมา กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง จนเกิดเป็นกระแสการลอกเลียนแบบขึ้นมาพักหนึ่งเลยทีเดียว และในปี 2017 ก็เริ่มมีการพบเห็นแบรนด์ในรูปแบบ Pop-Up Store ต่างๆ ทั่วกรุงโซล ก่อนที่ Limited Store จะเปิดตามมาหลากหลายแห่งทั่วโลก และกลายเป็นที่พูดถึงในซีนแฟชั่นระดับนานาชาติ ด้วยสไตล์เฉพาะตัวแต่แฝงไปด้วยความเรียบง่ายทำให้เหล่าเซเลบระดับแนวหน้าของโลกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Jennie Blackpink, Fan Bingbing, Angelababy หรือแม้แต่ Bella Hadid ก็ล้วนใส่ Peaceminusone กันมาหมดเเล้ว

ความปังของแบรนด์นี้ไม่ได้จบอยู่เพียงแค่เครื่องแต่งกายเท่านั้น เพราะว่าทีเด็ดที่แท้จริงที่แฟนๆ ต่างก็รู้กันดีก็คือ Collaboration ที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ในแต่ละครั้งนั้นก็ล้วนเชิญชวนให้ทั่วโลกได้หันมาจับตามองย้อนไป 2 ปีก่อนสร้างแบรนด์เมื่อปี 2014 G-Dragon ก็ได้ใช้ชื่อ Peaceminusone ในการร่วมงานกับ Chow Tai Fook Group ในการปล่อยคอลเลคชั่น Jewellery ของเขาเอง และในปี 2015 G-Dragon ก็ได้ร่วมงานกับ Giuseppe Zanotti ดีไซนเนอร์รองเท้าลักซ์ชูรี่ชาวอิตาเลี่ยนสร้าง Capsule Collection สุดพิเศษขึ้นมา และแน่นอนว่าหลังจากเปิดแบรนด์ Peaceminusone อย่างเป็นทางการในปี 2016 การ Collaboration ก็ย่อมเดือดมากยิ่งขึ้นด้วยไม่ว่าจะเป็น Verbal และ Yoon Ahn จากแบรนด์ AMBUSH หรือจะเป็นนิตยสารอย่าง VOGUE และแบรนด์บิ๊กเนมต่างๆ อีกมากมายเช่น Colette, Fragment, Levi’s หรือแม้แต่ไอคอนแห่งวัฒนธรรมอย่าง Mickey Mouse และเครื่องดื่ม Red Bull ก็เอากับเขาด้วย!

 

 

 

 แต่ที่พลาดไม่ได้เป็นอย่างมากในฐานะ ‘Sneakerhead’ ก็ต้องเป็นการร่วมงานกับ Nike เริ่มด้วยโปรเจคแรกในปี 2019 ในโมเดล Air Force 1: Para-Noise โดดเด่นด้วยสไตล์การดีไซน์จากงานกราฟฟิตี้และเพลงฮิปฮอปที่เป็นความชื่นชอบของ G-Dragon อีกทั้งยังมีลูกเล่นสนุกๆ ซุกซ่อนอยู่เมื่อใช้งานรองเท้าไปเป็นเวลาหนึ่งพื้นผิวสีดำของบริเวณอัปเปอร์ก็จะลอกออก เผยให้เห็นอาร์ทเวิคสุดพิเศษที่ดีไซน์โดย G-Dragon เองเป็นการนำไอเดียของงานศิลปะมาผสมผสานได้อย่างลงตัว เสริมความเฉพาะตัวด้วยสัญลักษณ์เสรีภาพและ ดอกเดซี่กลีบแหว่ง ต่อมาในปี 2020 เวอร์ชั่น 2.0 ของ Air Force 1: Para-Noise ก็ถือกำเนิดขึ้นในรูปแบบสีขาว ที่กลายเป็นหนึ่งในรองเท้าที่ดีและแพงที่สุดแห่งปี ปิดท้ายด้วยปี 2021 กับรุ่น Kwondo 1 ที่อินสไปร์มาจากกีฬาเทควอนโด ด้วยคอนเซปของเสรีภาพและชื่อที่มาจาก Kwon (จาก “ควอน” จียง ชื่อจริงของ G-Dragon) และ Do จากสโลแกนคลาสสิคตลอดกาลของ Nike อย่าง Just “Do” It นั่นเอง

และในปี 2023 นี้เราก็ได้เห็นการกลับมาของ Kwondo 1 อีกครั้งด้วยรูปโฉมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก การผสมผสานดีไซน์ของรองเท้าทางการ และสปอร์ตแวร์แบบย้อนยุคเข้าไว้ด้วยกัน โดยตัวรองเท้าจะมาพร้อมกับวัสดุหนังแบบพรีเมี่ยม เสริมด้วยลวดลายสไตล์ Brogue สุดปราณีต คราวนี้ Kwondo 1 พิเศษกว่าเดิมด้วยคู่สี Black & White สีตัดสลับกันอย่างมีเสน่ห์ที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของรองเท้า Loafer Two Tone ที่นิยมใส่กับชุด Tuxedo มาดัดแปลงและยังนำเอาเอกลักษณ์เฉพาะของรองเท้า Dress Shoes อย่าง Wingtip และดีไซน์ของสัญลักษณ์เสรีภาพตามแบบฉบับ Peaceminusone และ ดอกเดซี่ไร้กลีบสุดคลาสสิคเอาไว้ เป็นแบรนดดิ้งระดับซิกเนเจอร์ที่สาวก G-Dragon ต้องไม่พลาด!

และเเน่นอนว่าเหมือนทุกครั้งทางร้าน Carnivalbkk ของเราก็ได้นำ Kwondo 1 รุ่นนี้มาวางจำหน่ายแบบ Raffle พร้อมด้วยคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่ทำให้ลุคนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุด ใครที่กำลังรอคอยกันอยู่ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!

 

#Nike #nikesportswear #Peaceminusone#Kwondo1 #carnivalbkk

By Carnivalbkk
1222 view(s)
1 year ago