WELCOME “CLARKS ORIGINALS” TO CARNIVAL  ชวนรู้จัก “CLARKS” แบรนด์รองเท้าหนังเปลี่ยนโลกในตำนาน

WELCOME “CLARKS ORIGINALS” TO CARNIVAL ชวนรู้จัก “CLARKS” แบรนด์รองเท้าหนังเปลี่ยนโลกในตำนาน

 CLARKS ORIGINALS คือคอลเลกชันรองเท้ารุ่นดั้งเดิมของแบรนด์ CLARKS โดยจะประกอบไปด้วยรองเท้าสามรุ่นที่แสดงอัตลักษณ์ของแบรนด์อย่างชัดเจนได้เเก่ Desert Boot, Wallabee และ Desert Trek เนื่องในโอกาสที่ Clarks Originals ได้เข้ามาวางจำหน่ายในร้าน Carnival ของเราอย่างเป็นทางการ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเส้นทางอันน่าทึ่งของแบรนด์รองเท้าระดับตำนานนี้กัน 


 

  Clarks นั้นเป็นแบรนด์เก่าเเก่ที่มีประวัติมายาวนานเกือบ 200 ปี หากจะย้อนดูความสำเร็จของ Clarks ก็คงต้องย้อนกลับไปในปี 1821 กับชายชื่อ Cyrus Clark ผู้ก่อตั้งธุรกิจฟอกหนังและเย็บผ้าขนสัตว์ในเมือง Street ใน Somerset สหราชอาณาจักร โดยผลิตหนังและขนสัตว์ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องของเขา ในปี 1825 Cyrus แยกทางกับหุ้นส่วนแล้วเปิดร้านขายพรมหนังแกะของตัวเองที่ High Street ต่อมาในปี 1828 ธุรกิจของ Cyrus เริ่มเติบโตขึ้นเขาจึงพาน้องชายของเขา James Clark เข้ามาร่วมงานเป็นลูกศิษย์ ซึ่งทำงานไปได้สักพัก James เริ่มทดลองนำเศษหนังที่สั้นเกินจะผลิตพรมได้นำมาทำเป็นรองเท้า ซึ่งตอนนั้นเองที่รองเท้า Slipper ในตำนาน “Brown Petersburgs” ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งรองเท้าหนังแกะทำมือนี้เป็นที่นิยมติดตลาดอังกฤษเป็นอย่างมาก ด้วยยอดขายที่เฉลี่ยนับพันคู่ต่อเดือน ทำให้พี่น้อง Clark ต้องใช้บริการตัดเย็บผ้าของคนท้องถิ่นมาช่วยอีกแรงในการผลิต เนื่องจากทุกคู่ทำขึ้นมาด้วยมืออย่างสมบูรณ์  หลังจากความสำเร็จในโมเดล Brown Petersburgs” ของ James ทำให้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นหุ้นส่วนเต็มตัวและจดทะเบียนร้านในชื่อ C. & J. Clark และความสำเร็จอย่างล้นหลามทางธุรกิจทำให้สองพี่น้องค่อยๆ ขยายตลาดไปเรื่อยๆ จนส่งออกนอกประเทศได้ในที่สุด (Ireland ในช่วงปี 1820s Canada ในช่วงปี 1830s และ Australia ในช่วง 1850) ทำให้ในปี 1851 สองพี่น้องได้รับรางวัลจากงาน Great Exhibition ที่ Crystal Palace เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่วิสัยทัศน์และนวัตกรรมของสองพี่น้องต่อวงการอุตสาหกรรมอังกฤษ

 

Pass the Torch Through the Storm

การส่งไม้ต่อท่ามกลางพายุฝนแห่งอุปสรรค

 

ทุกความสำเร็จย่อมมีอุปสรรค โดยเฉพาะเมื่อก้าวแรกดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เช่นเดียวกับ C. & J. Clark ที่ได้เจอกับปีที่ยํ่าแย่หลายปีติดกันผสมกับสถานการ์ณตลาดที่ไม่สู้ดีนัก ทำให้ธุรกิจเกือบล้มละลายในปี 1863 เหล่าสมาชิกสมาคมศาสนานิกายเควกเกอร์ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้เงินกู้ และ William Stephens Clark ลูกชายของ James ได้เข้ามาบริหารและมอบชีวิตใหม่ให้กับธุรกิจอีกครั้ง ต่อมาในปี 1889 James Clark ส่งต่อตำแหน่ง Partner ให้กับลูกชายอีกคนของเขา Francis Clark โดยทุนที่จัดมาจากกลุ่ม เควกเกอร์ ครอบคลุมไปถึงชีวิตการเป็นอยู่ของชุมชนด้วย ทั้งการเปิดโรงเรียนและหอสมุดเพื่อให้เด็กๆ ในโรงงานได้มีโอกาสในการศึกษาที่มีคุณภาพ รวมถึงสถานที่สันทนาการต่างๆอย่างสระว่ายนํ้า โรงละคร และสนามกีฬา

.

 ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 Clarks กลายเป็นบริษัทจำกัด เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลาน Clark รุ่นที่ 3 ขึ้นมาบริหารงานร่วมกับรุ่นพ่อของพวกเขา พี่น้อง John และ Roger Clark ศึกษาขั้นตอนการผลิตแบบอเมริกัน ในปี 1904 พวกเขาชวน Walter Bostock ผู้มีประสบการณ์ด้านโรงงานจากอเมริกามาบริหาร และด้วยผลงานที่ดีในปี 1928 Bostock ก็ขึ้นแท่นเป็น Director ของบริษัท ในปี 1908 พวกเขาก็เปิดตัวออฟฟิศที่ลอนดอน และด้วยความรู้ด้านการผลิตรองเท้าที่สะสมมายาวนาน ทำให้ไลน์รองเท้าหลักของพวกเขา “Clarks Tor” เป็นสินค้าที่ขายดีและขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพอย่างมาก และตามมาด้วยไลน์รองเท้าแฟชั่นที่ราคาเป็นมิตรมากขึ้นอย่าง “Wessex” 

.

ในปี 1934 Clarks เปิดตัวสื่อโฆษณาเป็นครั้งแรก และในปี 1937 พวกเขาเข้าไปในวงการ Retail อย่างเป็นทางการ ด้วยการเข้าซื้อธุรกิจเครือร้านต่างๆ ทั่วลอนดอนและจังหวัดต่างๆ ในอังกฤษ โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Peter Lord” ถูกก่อตั้งโดย Hugh Bryan Clark ตัวร้านได้เปิดให้บริการถึงปี 1990 ในช่วงที่ Walter Bostock ยังบริหารอยู่นั้น ก็มีวิฤติเรื่องสุขภาพเท้าเนื่องจากไซส์รองเท้าที่ไม่พอดี ทำให้ Bostock มุ่งเป้าในการทำ Fitting System แบบใหม่ที่สำรวจขนาดเท้าจริงจากกลุ่มตัวอย่างกว่าหลายพันคน จนตัวเเบรนด์มีขนาดความกว้างให้เลือกถึง 4 แบบ เเละทางเเบรนด์ยังได้ใช้อุปกรณ์วัดเท้าแบบใหม่ที่แม่นยำยิ่งขึ้น ควบคู่ไปด้วยกันเพื่อช่วยลูกค้าในการเลือกซื้อรองเท้า ในยุคสงครามโลกโรงงานใน เมือง Street ได้รับการร้องขอให้ผลิตอาวุธแทนรองเท้า แต่ด้วยความชาญฉลาดในการจัดการทรัพยากรที่จำกัดทำให้โรงงานอื่นๆ ของพวกเขายังดำเนินการต่อไปได้

 

The Clarks that Changed the World

จากสมรภูมิสู่รองเท้าลำลองในตำนาน



  รองเท้าที่เรียกได้ว่า Iconic อย่างแท้จริงนั้นมีเพียงหยิบมือเท่านั้น และน้อยคู่ที่จะอยู่ในใจคนทั่วโลกแบบ Desert Boot ด้วยรูปทรงที่เป็นมิตรและสามารถเข้าได้กับทุกคน แต่ยังแฝงด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ดูโดดเด่นและน่าจดจำ ที่สมรภูมิแดนทะเลทรายในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพอังกฤษเคลื่อนทัพผ่านอียิปต์และลิเบีย พวกเขาต้องการรองเท้าที่สามารถทนต่อสภาพพื้นที่ทะเลทรายได้ยาวนานหลายไมล์ โดยไม่เทอะทะเหมือนกับรองเท้าทหารทั่วๆ ไป นายทหารที่ประจำการอยู่ที่นั่นเริ่มใช้รองเท้าลักษณะคล้ายรองเท้า Veldskoen ของ South Africa เนื่องจากความเรียบง่ายและกระทัดรัดของดีไซน์ ด้วยวัสดุพื้น Crepe และหนัง Suede หยาบๆ ที่เบาและสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมของทะเลทรายได้เป็นอย่างดี 

.

 โดยในปี 1941 Nathan Clark ขณะที่ประจำการเป็นตำแหน่ง Officer ใน  Royal Army Service Corp อยู่ที่ประเทศ Burma เขาก็ได้รับคำสั่งจาก Bancroft Clark ผู้บริหารและ Chairman ของ Clarks ในขณะนั้น ให้ระหว่างที่ทำหน้าที่ทหารและเดินทางไปที่ต่างๆ รอบโลก ให้แสวงหาดีไซน์รองเท้าที่น่าสนใจกลับมาด้วย โดยรองเท้าหนังกลับในตลาดเก่าแก่ของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ก็ได้แพร่หลายความนิยมมาที่ Burma ด้วย และรองเท้าพื้น Crepe หนัง Suede หยาบๆ สำหรับทหารนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Nathan 

.

โดยหลังจากที่เขาได้สเก็ตภาพและทำแบบจำลองจากหนังสือพิมพ์ในตอนที่อยู่ประเทศพม่า Nathan Clark ก็ได้เริ่มลงมือทำรองเท้าตัวอย่างในระหว่างที่เขาเดินทางกลับไปที่เมือง Glastonbury ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และตัวอย่างนั้นเองก็ถือเป็นจุดกำเนิดของรองเท้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายในปัจจุบัน โดยก่อนที่ Desert Boot จะได้รับการผลิต ผู้คนต่างพูดว่า “มันไม่มีทางที่จะขายได้แน่นอน” แต่ท่ามกลางข้อกังขาจากรอบด้าน Nathan ก็ยังเชื่อมั่นและเปิดจำหน่ายที่ Clarks Australia ในปี 1948 โดยส่งออกไปทั่วโลกตั้งแต่นั้นมา และหนึ่งในที่หมายนั้นคือ Jamaica อีกจุดสำคัญที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล เกิดขึ้นที่ Chicago Shoe Fair ช่วงปี 1950 ที่แสดงให้ผู้คนเห็นถึงความ Casual แต่มีสไตล์ที่เป็นสเน่ห์ที่ยากจะปฏิเสธ โดยเฉพาะกับกลุ่ม Beatnik Culture ของสหรัฐอเมริกา ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา Clarks Desert Boot กลายเป็นรองเท้า Icon สำคัญ และด้วยดีไซน์ที่ไร้กาลเวลา พิพิธภัณฑ์การออกแบบได้รวม Desert Boot ไว้ในคอลเลกชั่น “Fifty Shoes that Changed the World” 

 

The Clarks Culture

ตำนานที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม



  แม้ว่า Desert boot จะเป็นรุ่น Iconic ยอดนิยมของ Clarks แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่เพราะรุ่นต่อๆ มาของ Clarks ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของ Clarks Culture ทั่วโลกเช่นกัน เริ่มที่ปี 1967 กับ Clarks Wallabee โมเดลอันโด่งดังซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ของรองเท้า Moccasin รองเท้าและรองเท้าบูทหนัง Suede ของ Wallabees ได้รับความนิยมอย่างสูงและกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับเลือกสำหรับ Sub Culture ต่างๆ รวมถึงศิลปินเพลงมากมายในอีกหลายปีข้างหน้า โดยเฉพาะกับกลุ่มฮิปฮอป East Coast ในยุค 90 นำโดย Wu-Tang Clan และอัลบั้มในปี 2008 ของแรปเปอร์ Ghostface Killah ชื่อว่า “The Wallabee Champ” และแน่นอนว่าหนึ่งในทีวีซีรี่ย์สที่ยอดนิยมที่สุดของโลก “Breaking Bad” นำแสดงโดย Bryan Cranston ในบทบาท Walter White ครูวิชาเคมีที่เปลี่ยนตัวเองเป็นเจ้าพ่อค้ายาแต่ตลอดเส้นทางของเขาสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือเขาใส่ Clarks Wallabee ตลอดแทบทั้งเรื่องนั่นเอง 

.

 อีกหนึ่งรองเท้าสุดฮิตตลอดกาลของ CLARKS ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อเรียกว่า “Six Toe’s” รองเท้าลุยทรายรูปร่างแปลกตานี้ได้รับการสรรสร้างตามรูปทรงของเท้าตามธรรมชาติ โดยมีตราประทับรูป “Trek Man” และมีตะเข็บกลางรองเท้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รองเท้ายอดนิยมรุ่นนี้ได้รับความนิยมมานานกว่า 40 ปี

 .

 ตั้งแต่การเข้าถึงของ Clarks ในช่วงยุค 60 เป็นต้นมา ก็เรียกได้ว่า Jamaica คือดินแดนแห่ง Clarks เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าไม่มีแบรนด์ไหนเข้าถึงวัฒนธรรมดนตรีและแฟชั่นของ Jamaica ได้ดีเท่า Clarks อีกแล้ว ด้วยเพลงนับไม่ถ้วนที่ร้องถึงรวมไปถึงปกอัลบั้ม ความนิยมในหมู่ Rudeboys (กลุ่ม Culture สตรีทของ Jamaica) ถึงมีคำพูดติดตลกในท้องถิ่นที่ว่าหากคน Jamaica ไปอังกฤษก็ต้องหิ้ว Clarks กลับมาด้วย ไม่งั้นไม่ให้เข้าเกาะกันเลยทีเดียว โดยเหตุที่ Clarks นั้นเป็นของที่มีคุณภาพใช้ได้ทนทานหลายปี และยังดูดีมากๆ อีกด้วย สำหรับหลายๆ คนที่เติบโตมาที่ Jamaica สำหรับพวกเขา Clarks คือส่วนหนึ่งของ Culture ไปแล้ว 

 

Clarks Originals

ถ่ายทอดความสมดุลระหว่างความคลาสสิกและความร่วมสมัยอย่างลงตัว




  CLARKS ORIGINALS คือคอลเลกชันรองเท้ารุ่นดั้งเดิมของแบรนด์ CLARKS ได้แก่ Desert Boot, Wallabee และ Desert trek รองเท้าสามรุ่นที่แสดงอัตลักษณ์ของแบรนด์อย่างชัดเจน นับตั้งแต่ยุคแรกของการก่อตั้งแบรนด์ ในแต่ละซีซัน CLARKS ORIGINALS นำรูปทรงดั้งเดิมสุดคลาสสิกมาตีความอีกครั้ง เพิ่มลูกเล่นโดยการใช้วัสดุแปลกใหม่ รวมถึงจับมือร่วมกับแบรนด์ชั้นนำชื่อดังรังสรรค์รองเท้าสุดคลาสสิกในรูปแบบที่สะกดทุกสายตากว่าเคย โดย Clarks ได้ร่วม Collaboration กับแบรนด์ระดับโลกหลากหลายแบรนด์ทั้ง Supreme, Stussy, Undercover, BEAMS ฯลฯ โดยงาน Collab ที่โดดเด่นระดับตำนานนั้นมีมากมายอย่างเช่นในปี 2018 กับการ Collab กับ Wu Wear ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของ 36 Chambers  อัลบั้มเปิดตัวของฮิปฮอปกรุ๊ปในตำนาน Wu-Tang Clan

.

และในปีต่อมายัง Collab กับ Aime Leon Dore ที่นำโมเดล Wallabee ที่เป็นไอคอนคลาสสิคของวงการฮิปฮอปยุค 90 มาอยู่กับ Nas เทพเจ้าฮิปฮอป East Coast ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองความเก๋าของวงการฮิปฮอป หรือจะเป็นวงการกีฬาก็ไม่หวั่นกับการคอลแลบของ Clarks Wallabee Boots กับ BAPE และ Raheem Sterling ปีกซ้ายตัวจี๊ดแห่งทีมชาติอังกฤษ โดยหลังจากคอลแลบกับ BAPE ก็ได้มีรุ่นพิเศษของ Raheem เองออกมาโดยเฉพาะเลย  และนี่เป็นเพียงบางส่วนที่พิสูจน์ถึงความคลาสสิคไร้กาลเวลาของ Clarks ที่สามารถอยู่คู่กับไอคอนแห่งยุคสมัยได้แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปี

 

AUTUMN WINTER 22 CLARKS ORIGINALS

ฤดูกาลใหม่ของ Clarks เเละลมหนาวนี้

 

  ฤดูกาลเปลี่ยนผันไม่มีวันหยุดนิ่ง แต่รองเท้าสุดคลาสสิกของ Clarks คงอยู่ตลอดกาล สำหรับคอลเลคชั่น Autumn Winter 22 Clarks Originals นำเสนอลูกเล่นแปลกใหม่ให้กับรองเท้า Desert Boot, Wallabee และ Desert Trek ซึ่งมีดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Silhouettes ดั้งเดิมที่มีดีเทลเรียบหรูไม่ซ้ำใคร นอกจากนี้ ยังได้ผสมผสานความอเมริกันวินเทจเข้ากับ Sashiko ซึ่งเป็นการถักทอลายผ้าแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นในรองเท้า Wallabee Boot Navy Sashiko, Desert Boot และ Desert Trek
.
หรือจะสไตล์แบบอเมริกันวินเทจในยุค 80s และ 90s ในรองเท้ารุ่น Wallabee Auburn หรือดีไซน์วินเทจผสมผสานกลิ่นอายของญี่ปุ่นและอเมริกัน ที่พบได้ใน Wallabee Boot Brick Paisley นอกจากนี้ ยังมี Wallabee Boot Ginger Fabric ที่มีลวดลายแบบแจ็คเก็ตสไตล์อเมริกันวินเทจและถักทอด้วยผ้า ที่ออกแบบมาเฉพาะช่วงเวลาที่อากาศเริ่มเย็นตัวลง ปิดท้ายด้วยรองเท้ารุ่น Trek Cup รองเท้าแบบ Cupsole สไตล์แบบ Modern Retro ผสานกลิ่นอายแบบสตรีท ที่มีต้นแบบดีไซน์มาจาก Desert Trek และคงเอกลักษณ์ไว้ด้วยตะเข็บกึ่งกลางและลวดลาย Trek Man บริเวณพื้นรองเท้า CLARKS ORIGINALS คอลเลคชั่น AW22 นี้ คือนิยามการรังสรรค์รองเท้าสไตล์ล่าสุดสำหรับสุภาพบุรุษ ที่มีความโดดเด่นในแบบของตนเอง สำหรับฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้
.
ไม่ว่าจะเป็นฮอลลีวูดเซเลบริตี้ชื่อดังหรือขาฮิปฮอปสุดเท่ นักเต้นเท้าไฟชาวจาเมกาหรือนักคิดแบบโมเดิร์นนิสต์ต่างเคยให้ CLARKS ORIGINALS เป็นส่วนหนึ่งของสไตล์อันโดดเด่นของตัวเอง นอกจากนี้ รองเท้า CLARKS ORIGINALS สุดคลาสสิกยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในมุมต่างๆ ทั่วโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Desert Boot ทรงยอดนิยม จนไปถึงรุ่นดาวเด่นอย่าง Wallabee ซึ่งรองเท้าของ CLARKS ทุกคู่ล้วนถูกประทับด้วยตราสัญลักษณ์แบรนด์ที่เป็นเสมือนซิกเนเจอร์อันแสนโดดเด่น ที่ยากจะหาใครเหมือน

 

 

#ClarksOriginals #ClarksTH #carnivalbkk 

By Carnivalbkk
231 view(s)
2 years ago