A-COLD-WALL* แบรนด์มินิมอลอินดัสเทรียลจากกรุง London ที่หลายคนน่าจะรู้จักชื่อเสียงของเเบรนด์นี้ จากการร่วมงานกับเเบรนด์ดังอย่าง Nike เเละ Converse เเต่นอกจากงานคอลเเลปรองเท้าสุดล้ำเเล้ว ประวัติด้านงานออกเเบบของเเบรนด์ก็โดดเด่นไม่เเพ้กัน วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกเบื้องหลังงานดีไซน์ของเเบรนด์  A-COLD-WALL* รวมถึงพาไปส่องการร่วมงานครั้งล่าสุดระหว่าง ACW* เเละ Converse ในโมเดล Chuck Taylor 70 Hi กัน รับรองว่ารองเท้าคู่นี้มีเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาซุกซ่อนอยู่เเน่นอน!

 

Samuel Ross ชายผู้หยิบยืมอนาคตมาให้เราได้สวมใส่

 

 

  ก่อนจะไปรู้จักกับงาน Collaboration ในครั้งนี้ เราขอพาทุกคนไปทำความรู้กับชายผู้อยู่เบื้องหลังงานดีไซน์สุดล้ำของ A-COLD-WALL* อย่าง Samuel Ross กันก่อน A-COLD-WALL* เปิดตัวในปี 2015 นำทีมโดย Samuel Ross นักออกแบบชาวชาวอังกฤษ ผู้มีประวัติด้านงานออกแบบมาอย่างโชกโชน เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทอุปกรณ์ในครัวเรือนต่างๆ ทั้ง Imperial GB, Wilkinson และ Beko เเต่ด้วยความทะเยอทะยานตัวของ Samuel ต้องการเป็นมากกว่านั้น เขาเริ่มสร้างเว็บไซต์รวบรวมผลงาน เก็บสะสม Portfolio เเละส่งอีเมลหลายสิบฉบับไปหา Virgil Abloh ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งเเบรนด์ Off-White จนมีอยู่วันหนึ่ง Virgil ได้ทักเขามาใน Instagram เเละโทรกลับมาหาเขาพร้อมยื่นข้อเสนอฝึกงานให้ในสัปดาห์หน้า เรื่องราวมันเหมือนกับฝันไม่มีผิด สัปดาห์ต่อมา Samuel เริ่มทำงานนอกสถานที่ให้กับ Virgil เขาได้มีส่วนร่วมในคอลเลคชั่นต่างๆ ที่ Virgil เกี่ยวข้องตั้งเเต่คอลเลคชั่น A.P.C. x Kanye ไปจนถึงงานออกแบบ Pop-up เเละกิจกรรมต่างๆ ของเเบรนด์ Off-White สุดท้าย Virgil ก็ได้เเต่งตั้งให้   Samuel เป็นผู้ช่วยครีเอทีฟของ Off-White เท่านั้นยังไม่พอ Samuel ยังคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับ Creative Director ชื่อดังทั้ง Jerry Lorenzo (Fear of God) เเละ Shayne Oliver (Hood by Air) 

 

กฏ 6 ข้อของ A-COLD-WALL*

 

เมื่อขัดเกลาฝีมือบนเส้นทางสายสตรีทมาพอสมควร Samuel Ross ก็ตัดสินใจเปิดตัวเเบรนด์ A-COLD-WALL* ในปี 2015 ด้วยเจตนารมณ์ที่อยากจะสำรวจวัฒนธรรมเเละหลอมรวมชนชั้นต่างๆ ในสหราชอาณาจักรเข้าไว้ด้วยกันผ่านผลิตภัณฑ์เเละงานดีไซน์จากวัสดุเเละวิธีคิดที่ตกตะกอนมาเป็นอย่างดี ตัวของ Samuel นั้นอยากให้ผู้คนใส่ใจเเละเห็นคุณค่าของเสื้อผ้าชิ้นนั้นๆ ซึ่งวิธีคิดแบบนี้นั้นได้สอดเเทรกอยู่ในทุกรายละเอียดของA-COLD-WALL* โดยในทุกคอลเลคชั่นนั้นจะต้องผ่าน 6 กระบวนการหรือที่ Samuel เรียกมันว่า “The six stages” เสียก่อน

 

Manifesto

 

 

โดยขั้นตอนเเรก Samuel จะเริ่มจากการกำหนด Manifesto หรือการร่างแถลงการณ์ ประมาณ 25 หน้า ซึ่งในเเถลงการณ์จะเป็นเหมือนการรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับคอลเลคชั่นทั้งสถาปัตยกรรม รูปทรง สี ทุกอย่างที่ตัวของ Samuel เชื่อเเละอยากจะสื่อสารผ่านคอลเลคชั่นนี้ทั้งหมด ซึ่งพอเริ่มมีการกำหนดทิศทางของคอลเลคชั่น เมื่อถึงขั้นตอนต่อไปจากสิ่งที่เขียนไว้มันจะค่อยกลายเป็นรูปธรรมมากขึ้น

 

Sketches

 

ขั้นตอนต่อมา Samuel เเละทีมจะเริ่มทำการสเก็ตช์แบบ พร้อมทั้งคำอธิบายเสื้อผ้าในเเต่ละแบบ โดยส่วนมากเขาจะเริ่มสเก็ตช์ไว้จำนวนเยอะๆ ก่อนเเล้วค่อยมาลดทอนในผ่านหลัง

 

CAD

 

ต่อมาก็ถึงขั้นตอน CAD (computer-aided design) ซึ่งเป็นกระบวนการนำภาพสเก็ตช์ที่ได้เข้าสู่โปรเเกรมออกแบบในคอมพิวเตอร์ ในขั้นตอนนี้เองจะมีการทำซ้ำประมาณ 3 ถึง 4 รอบ เพื่อให้เเน่ใจว่าฝ่ายผลิตจะสามารถจัดหาวัสดุที่ตรงกับความต้องการของทางทีมออกแบบได้

 

Fabric Swatches and Color Selection

 

เเละเมื่อกระบวนการออกแบบเเละ CAD เสร็จสมบูรณ์ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือผ้า ทางทีมงานจะนั่งเลือกผ้าวัสดุจาก Swatch books กว่า 400 เล่มเพื่อให้ได้เนื้อผ้าที่ดีที่สุด



Sampling

 

เดินทางมาถึงขั้นตอนในการทำ Sampling หรือการขึ้นตัวอย่าง เเละถ้าคุณภาพของสินค้าไม่ตรงตามที่ Samuel ต้องการ จะต้องขึ้นเเบบใหม่ทันที อย่างในฤดูกาล Fall/Winter 2020 ได้มีการรีเซ็ทแบบทั้งคอลเลคชั่นเพราะ Samuel มองว่ารูปเเบของเสื้อผ้ายังไม่ตรงกับสิ่งที่เขาอยากจะสื่อสารออกมา ซึ่ง Samuel มองว่ามันเป็นการเคารพผู้บริโภคอย่างเเท้จริง 

 

Reaching the Audience

 

ขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่สินค้าจะถึงมือลูกค้า Samuel จะมานั่งคิดอย่างละเอียดว่าสินค้าทุกชิ้นในคอลเลคชั่นนี้เป็นไปตามรากฐานของเเบรนด์ เเละมี DNA ที่สื่อถึง A-COLD-WALL* อย่างครบถ้วนรึเปล่าทั้งเรื่องของซิลลูเอท, สี, โครงสร้าง, การสัมผัสด้วยมือ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรา M-65 jacket เเจ็คเก็ทจากปี 1965 ที่ใช้กันในกองทัพสหรัฐอเมริกา เเต่ในทุกวันนี้เรามองเเจ็คเเก็ทตัวนี้ต่างออกไป เราสามารถนำมาดัดเเปลงโทนสี พื้นผิว ปรุงเเต่ง เเละนี่คือความสนุกที่จะนำเสนอมุมมองที่ต่างออกไปให้กับลูกค้า ด้วยความเข้มงวดในเรื่องของการออกเเบบบวกกับเอกลักษณ์งานคราฟท์ชั้นยอด สิ่งทั้งหมดนี่ล้วนทำให้ A-COLD-WALL* นั้นเเตกต่าง

 

 

พลิกโฉมโมเดลคลาสสิคให้ล้ำสมัย ด้วยสไตล์เเห่งอนาคต

 

  ซึ่งความเจ๋งของ A-COLD-WALL* นั้นได้ไปเข้าตาเเบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Converse เเละในปี 2019 พวกเขาก็ได้ร่วมมือกันรังสรรค์โมเดล Chuck Taylor All-Star Lugged โมเดลสุดล้ำที่ไปปรากฏอยู่บน รันเวย์ SS20 ของเเบรนด์ ACW ที่งาน London Fashion Week โดย Converse Chuck Taylor คู่นั้นมีหน้าตาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างรองเท้าผ้าใบเเละรองเท้าบูท พร้อมส่วนเสริมมากมายทั้งอัปเปอร์จากผ้า Ripstop พื้นรองเท้ายางเเบบหนา สายรัดเเละระบบผูกเชือกรองเท้าที่ด้านหลัง ซึ่งงาน Collab ในครั้งได้สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเเฟชั่นเป็นอย่างมาก ด้วยเทคนิคเเละดีไซน์ที่พลิกโฉมความคลาสิคให้กลายเป็นรองเท้าสุดล้ำได้ เเต่ก็ยังคงความเท่น่าสวมใส่ เเละหลังจากนั้น ACW เเละ Converse ก็ต่างจับมือร่วมงานกันอย่างต่อเนื่องทั้งโมเดล Sponge Crater, Aeon Active CX เเละการกลับมาอีกครั้งบนโมเดลสุดคลาสสิค Chuck Taylor 70 Hi ในปี 2022 ที่คราวนี้ Samuel ได้กลับไปสู่รากฐานของโมเดลด้วยการเคารพต้นฉบับ เเต่เลือกนำเสนอความล้ำผ่านวัสดุเเละเฉดสีที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเเทน ตัววัสดุมาพร้อมอัปเปอร์เเคนวาสหยาบๆ รูร้อยเชือกที่ใช้เหล็กบางกว่ารุ่นปกติ โดดเด่นด้วยเเผ่นฟิลม์โลโก้ ACW* สะท้อนเเสงในยามมืด เสริมความ Futuristic ด้วยพื้นในสไตล์ “Translucent Sole” หรือ “พื้นยางโปร่งเเสง” โดยตัวรองเท้าจะมาใน 2 เฉดสีทั้ง “Silver Birch” และ “Pavement” 

 

เล่าเรื่องให้ลึกด้วย Lookbook จากนักออกเเบบตัวจริง

 

  ซึ่งควมเจ๋งไม่ได้จบอยู่เเค่ที่ตัวรองเท้า ทางด้าน look book ที่เเบรนด์นำเสนอเองก็น่าสนใจไม่เเพ้กัน โดยได้ Dong-Ping Wong นักออกแบบผู้ก่อตั้ง Food New York บริษัทออกแบบในนิวยอร์กเเละ Nifemi Marcus-Bello ผู้ก่อตั้ง nmbello Studio  สตูดิโอออกเเบบในเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเขาทั้งคู่เพิ่งได้รับรางวัลออกเเบบอุตสหกรรมในสาขาของตนเองมาแบบสดๆ ร้อนๆ เเละภาพถ่ายใน look book ที่เราได้เห็นทั้งหมดก็ถ่ายมาจากสตูดิโอของทั้งคู่ที่จริงๆ เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้งคอนเซ็ปท์เเละดีไซน์จริงๆ สำหรับรองเท้าคู่นี้ ใครที่สนใจในสไตล์ Minimal เเต่เเอบมีลูกเล่นนิดๆ บอกเลยว่าคู่นี้ต้องมีติดตู้  

 

#ConversexACOLDWALL #ACOLDWALL #Converse #ConverseThailand #carnivalbkk

 

By Carnivalbkk
299 view(s)
2 years ago