CARNIVAL® x Guns N' Roses |  เล่าเรื่องราวผ่านลวดลายของวงที่อันตรายที่สุดในโลก!

CARNIVAL® x Guns N' Roses | เล่าเรื่องราวผ่านลวดลายของวงที่อันตรายที่สุดในโลก!

เรื่องสุดมันส์กับตำนานที่ยังมีลมหายใจ! เตรียมความพร้อมรับคอลเลคชั่นสุดพิเศษจากความร่วมมือระหว่าง CARNIVAL® และ Guns N' Roses เจ้าของฉายา ‘The Most Dangerous Band in the World’ ที่เป็นตำนานตั้งแต่อัลบั้มแรกเพียงชุดเดียว! เป็นเวลาเกือบ 40 ปีที่พวกเขาประกาศศักดาพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีด้วยเพลงอย่าง Welcome to the Jungle, Paradise City และ Sweet Child O' Mine ก่อนจะไปสัมผัสความร็อคปรอทแตกของคอลเลคชั่นนี้ เราอยากจะชวนจะทุกคนย้อนเวลาไปชมเรื่องราวน่ารู้ในยุค “ไลน์อัพคลาสสิก” ของวงปืนปลายกุหลาบนี้กัน

 

สองวงอันตรายที่กลายมาเป็น Guns N' Roses

 


แม้ในปัจจุบันจะฟังดูเหมือนลิขิตมาแล้ว แต่รู้หรือไม่? ชื่อของ Guns N' Roses เป็นการผสมผสานระหว่าง Hollywood Rose และ L.A. Guns สองวงสุดเดือดแห่งเมืองลอสแอนเจลิสในขณะนั้น นอกเหนือจากเรื่องชื่อวงแล้ว กว่าเหล่าสมาชิกจะรวมตัวกันได้ก็วุ่นวายเช่นกัน!
.
เป็นการเริ่มต้นจากที่สมาชิกของทั้งสองวงนี้เคยร่วมงานกันมาก่อน ทั้งสองวงก่อตั้งในปี 1983 เหมือนกัน Hollywood Rose (ก่อตั้งโดย Axl Rose , Izzy Stradlin และ Chris Weber) และ L.A.Guns (ก่อตั้งโดย Tracii Guns และ Rob Gardner) ทั้งสองวงมีการสลับไลน์อัพเข้าออกหลายครั้ง ไปจนถึงขั้นการเปลี่ยนตัวนักร้องข้ามวง
.
จนกระทั่งในปี 1985 ทั้งสองวงรวมตัวกันเป็น Guns N' Roses ( Hollywood “Rose” + L.A.”Guns”) โดยชื่อวงเคยเกือบจะได้เป็น Heads of Amazon หรือ AIDS แล้ว! (ไม่รู้ว่าควรเสียดายดีไหมที่ไม่ได้ชื่อนี้)
.
Guns N' Roses ยุคบุกเบิกตอนนั้นมีไลน์อัพเป็น Axl Rose, Rob Gardner, Izzy Stradlin, Tracii Guns และ Ole Beich ซึ่งไม่ทันไร Beich มือเบสก็ถูกเปลี่ยนเป็น Duff McKagan ไม่นานหลังจากนั้น Tracii Guns ก็ลาออกเนื่องจากมีปัญหากับ Axl Rose ซึ่ง Rob Gardner ก็ออกตามกันไป จึงได้ Slash และ Steve Adler (ทั้งสองเคยเล่นให้ Hollywood Rose อยู่ช่วงนึงด้วย) เข้ามาเล่นกีต้าร์และกลองแทน
.
และแล้วสมาชิก “ไลน์อัพคลาสสิก” ของ Guns N' Roses ที่แฟนๆจดจำก็ถือกำเนิด Axl Rose (ร้องนำ), Slash (กีต้าร์ลีด), Duff McKagan (เบส), Izzy Stradlin (กีต้าร์ริทึ่ม) และ Steve Adler (กลอง) ฟอร์มวงกันระยะนึงก่อนที่ในปี 1986 จะเซ็นสัญญากับ Geffen Record และสร้างตำนานกับอัลบั้มเปิดตัว 'Appetite For Destruction' ในปี 1987
ที่มีเพลงอย่าง Welcome to the Jungle และ Sweet Child O' Mine ปรากฏการณ์เพลงที่เปลี่ยนวงการดนตรีไปตลอดกาล

 

เบื้องหลังสุดอันตรายของอัลบั้มแห่งการทำลายล้าง

 



‘Appetite For Destruction’ อัลบั้มแรกจาก Guns N' Roses ที่สร้างประวัติศาสตร์การเป็น ‘Debut Album’ ที่ขายดีที่สุดในอเมริกา และทำยอดขายถล่มทลายทั่วโลกมากกว่า 30 ล้านชุด
.
แต่กว่าจะขายดีและเป็นตำนานขนาดนี้ รู้หรือไม่? ว่าเคยเกือบไม่มีสถานีไหนเปิดเพลงพวกเขามาก่อน
.
นอกจากเนื้อหาของเพลงที่ขบถหลุดขอบ ที่ทำให้สังคมส่วนใหญ่ในยุคนั้นกังวลและมองว่าอันตรายแล้ว
“รูปปกอัลบั้ม” ดั้งเดิมของ ‘Appetite For Destruction’ ก็เคยเกือบทำให้โดนแบนมาแล้ว
.
โดยปกอัลบั้มเวอร์ชั่นแรกนั้นมาจากผลงานศิลปะของ Robert Williams จิตรกร นักเขียนการ์ตูน ผู้ท้าทายมุมมองแนวคิดกระแสหลัก โดยผลงานของเขามีการสื่อสารที่ล่อแหลม ชวนให้ตั้งคำถามต่อศีลธรรม เช่นภาพที่นำมาใช้เป็นปกอัลบั้มมีชื่อว่า ‘Appetite For Destruction’ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ หุ่นยนต์ที่ล่วงละเมิดหญิงสาวกำลังจะถูกลงโทษโดยเครื่องจักรแห่งการล้างแค้น
.
ซึ่งในตอนแรก Axl Rose เห็นภาพนี้จาก Postcard แล้วเกิดไอเดียขำๆที่จะเสนอให้มาเป็นปกอัลบั้ม ซึ่งทางค่ายก็ดันเอาด้วย! เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าจะเป็นการตลาดที่ดี แม้ว่าทาง Robert Williams จะแนะนำว่าอาจจะเกิดกระแสตีกลับทางสังคมก็ตาม
.
แน่นอนว่าเนื้อหาของภาพรุนแรงเกินที่สังคมจะรับได้ ทำให้ร้านแผ่นเสียงทั้งหลายไม่ยอมวาง
จำหน่ายอัลบั้มนี้ รวมถึงเนื้อหาของเพลงในอัลบั้มเองก็คงมีส่วนให้สถานีวิทยุต่างๆไม่ยอมเปิดเพลงของเขาด้วย จนกระทั่ง David Geffen เจ้าของค่ายโทรไปหา MTV ขอให้เปิด “Welcome To The Jungle” ซึ่งทางสถานีก็ยอมเปิดให้ในสลอทที่คนฟังดูจะน้อยที่สุดคือ ตี 1 และ ตี 4 แต่ผลปรากฏคือผู้คนต่างเรียกร้องอยากฟังอีก จนอัลบั้มเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ!
.
ส่วนเรื่องของปกอัลบั้มทางค่ายก็ได้ดำเนินการเปลี่ยนไปหลังจากขายเวอร์ชั่น “อันตราย” ไปได้ไม่นาน ก็ได้เปลี่ยนดีไซน์ที่นำมาจากลายสักของ Billy White Jr. ศิลปินนักสักคนสนิทที่ออกแบบรอยสักให้ Axl เอาไว้ที่แขนขวาของเขา
.
Billy White Jr. เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในปี 2016 ว่า เป็นไอเดียของ Axl ที่ให้นำสมาชิก “ไลน์อัพคลาสสิก” ทั้ง 5 คนมาเป็นกะโหลกบนกางเขน ส่วนเรื่องงานดีไซน์เป็นของ Billy เอง อย่างดีเทลของกางเขนก็อินสไปร์มาจาก Thin Lizzy วงร็อคคลาสสิกที่ทั้ง Billy และ Axl ชื่นชอบนั่นเอง

Carnival Funfact : กิมมิคดีไซน์สุดพิเศษ! เมื่อสังเกตดีๆจะเห็นว่าสมาชิกวงที่เป็นหัวกะโหลก สำหรับเวอร์ชั่นของ CARNIVAL® ที่ปากของสมาชิกนั้นคาบดอกกุหลาบไว้อยู่

 

 

ส่องอัลบั้มส่งท้ายกับลวดลายสุดซิ่ง

 

 

 

หลังจากการเปิดตัวอย่างประสบความสำเร็จกับอัลบั้ม ‘Appetite For Destruction’ (1987) เหล่าสมาชิก “ไลน์อัพคลาสสิก” ของ Guns N’ Roses ก็ยังเล่นดนตรีด้วยกันต่ออีกสี่อัลบั้มที่ปล่อยออกมาไล่เลี่ยกันคือช่วงยุค 90s ทั้งนั้นแล้วทุกคนทยอยออกจากวงไปทำไมกัน?
.
หลังจากอัลบั้มแรกเพียงปีเดียว ทางวงก็ออกอัลบั้มที่ 2 Gn’R Lies (1988) ออกมาต่อทันที คงเหมือนที่เขาพูดกันว่าเหล็กต้องตีตอนร้อน แต่ความที่อัลบั้มแรกประสบความสำเร็จขนาดนั้นการที่สร้าง “แจ็คพอต” ติดต่อกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังเคราะห์ซํ้าหลังจากปล่อยอัลบั้มสองไม่นาน Steve Adler มือกลองสุดเทพของวงก็ติดยาขั้นหนักจนไม่สามารถซ้อมได้จึงต้องออกจากวงไปอย่างน่าเสียดาย
.
ต่อมาในปี 1991 โลกก็ได้พบกับอัลบั้ม Use Your Illusion I & II โดยเหตุผลที่ต้องเป็น I & II ก็เพราะว่าจริงๆแล้วเป็นสองอัลบั้ม (3 และ 4) แต่ปล่อยในชื่อเเละเวลาเดียวกัน! (บ้าพลังสุดๆ) ซึ่งก็ประสบความสำเร็จติดท็อปชาร์ตทั้งคู่ด้วยเพลงดังอย่าง Don’t Cry, November Rain และ You Could Be Mine กลายเป็นอีกสองอัลบั้มขึ้นหิ้งของวงแถมด้วยรายได้ถล่มทลาย แต่สองเดือนหลังจากปล่อยอัลบั้ม Izzy Stradlin (กีต้าร์ริทึ่ม) ก็ออกจากวงไปเนื่องจากเหตุผลของความ “เบื่อหน่าย” ชีวิตประจำวันของการอยู่ในวง
.
การออกจากวงของ Izzy สร้างความเสียใจให้กับแฟนคลับ และส่งผลกระทบโดยตรงกับวงเนื่องจาก
หลายคนมองว่าเขาคือ “หัวใจ” ของวงเนื่องจาก Izzy ร่วมเเต่งเนื้อร้องและดนตรีส่วนมาก และเมื่อหัวเรือสำคัญหายไปคนนึงทำให้มีความทุลักทุเลในการทำเพลงเป็นอย่างมาก แต่จนแล้วจนรอดอัลบั้มที่ 5 ก็คลอดออกมาได้
.
The Spaghetti Incident? (1993) อัลบั้มสุดท้ายที่เราเห็น “ไลน์อัพคลาสสิก” (ที่ยังเหลือ) เล่นด้วยกันก่อนที่ Duff และ Slash จะแยกวงออกไป แต่ที่น่าสนใจคือที่มาของชื่อ Spaghetti Incident มาจากการเลี่ยงคำของทนายที่ให้ Steve Adler อธิบายเรื่อง “สปาเกตตี” เพราะตอนที่เขาออกวงไปเขากลับมาฟ้องวงเรื่องการเชิญออกที่ไม่เป็นธรรมจากกรณี “เล่นยา” ซึ่งสมัยรุ่นๆที่พวกเฮียแกพักอยู่ที่ห้องของ Adler เขามีนิสัยเก็บ “ของดี” ไว้ในตู้เย็นโดย Adler เรียกชื่อแทนสิ่งเหล่านั้นว่า “สปาเกตตี” นั่นเอง
.
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน “ไลน์อัพคลาสสิก” จะอยู่กันไม่ครบเหมือนเคยแต่พวกเขาก็สร้างทั้งเรื่องราวและตำนานมากมาย และกลายเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังลายเสื้อกราฟิกสุดเท่ของคอลเลคชั่น CARNIVAL® x Guns N' Roses ที่พิเศษกว่าที่ไหนในโลกคือลวดลาย Carnival Edition’ นำ Slash ลีตต้าร์สุดเทพของวงมาแปลงโฉมเป็นรถ "ตุ๊กๆ" วางจำหน่ายวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ Carnival ทุกสาขารวมถึงช่องทางออนไลน์ บอกเลยว่าเหล่าสาวกห้ามพลาด!

 



#gunsnroses #carnivalbkk

By Carnivalbkk
624 view(s)
4 months ago