Behind the Icon : Sacai   สุนทรียศาสตร์ที่เหนือระดับจากแดนอาทิตย์อุทัย

Behind the Icon : Sacai  สุนทรียศาสตร์ที่เหนือระดับจากแดนอาทิตย์อุทัย

 

  Sacai แบรนด์ Street Luxury ระดับโลกที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ผลงานของแบรนด์ที่มีมามากกว่า 20 ปี แสดงให้ทุกคนเห็นถึงวิสัยทัศน์ที่เฉียบขาดด้วยสไตล์ที่มีทิศทางที่ชัดเจน และการร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกโดยคงตัวตนที่หนักแน่นไว้เป็นเครื่องชี้ว่า Sacai คืออีกหนึ่ง Icon ของประวัติศาสตร์แฟชั่นเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของโมเดลระดับตำนาน "Cortez" ไปพร้อมกับการกลับมาของโมเดล Nike x Sacai Zoom Cortez วันนี้ Carnival Behind The Icon จะพาไปชมการพุ่งทะยานอย่างไม่หยุดนิ่งของแบรนด์หยุดโลก Sacai 

 

 

 

หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Sacai คือ Chitose Abe ดีไซนเนอร์ผู้ก่อตั้ง ที่มีวิสัยทัศน์อันเป็นหนึ่งที่ผสานความคลาสสิคเเละความล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันChitose คลุกคลีกับวงการสื่อทอและแฟชั่นตั้งแต่เกิด เนื่องจากแม่ของเธอเป็นช่างเย็บผ้าของเมือง Gifu ทางเหนือของ Nagoya เธอมีความสนใจแฟชั่นของโตเกียวตั้งเเต่สมัยเรียน และให้คุณแม่ช่วย ดัดแปลงเสื้อผ้าของเธอให้โดดเด่นกว่าเพื่อนอยู่เสมอ หลังจากเรียนจบด้วยเเรงบันดาลใจจากงานของ Issey Miyake เธอตัดสินใจเข้าไปทำงานที่ World Co. (บริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น)  เเละเลือกเดินเส้นทางสายแฟชั่นในที่สุด

 

แม้การเริ่มต้นที่ World Co. จะมั่นคงและเป็นก้าวแรกที่ดี แต่สายตาของ Chitose ก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่งานสไตล์ Avant-Garde ที่ขบถแสบเปรี้ยวจี๊ด และกำลังสร้างคลื่นลูกใหญ่ที่ญี่ปุ่น ณ ขณะนั้นและหลังจากทำงานที่ World Co. ได้หนึ่งปีได้ย้ายไปทำงานให้ดีไซนเนอร์ระดับตำนานอย่าง Rei Kawakubo แห่งแบรนด์ COMME de GARCONS โดยประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานกับ Kawakubo ทำให้ Chitose เปลี่ยนมุมมองการทำงานของเธอไปโดยสิ้นเชิง เธอได้เรียนรู้มิติใหม่ของแฟชั่นและได้ของขวัญสำคัญติดตัวกลับไปคือ “อิสระในการทำงาน” ซึ่งเป็นกุญแจหลักในการค้นหาตัวตนและมุมมองใหม่ๆของแฟชั่นซึ่งเป็นสิ่งที่เธอใฝ่หา 

 

ในยุคทีเธอทำงานที่ COMME de GARCONS เธอได้มีโอกาสทำงานเเพทเทิร์นดีไซน์ให้กับดีไซนเนอร์ในตำนาน Junya Watanabe และระหว่างนั้นเองเธอได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มเพื่อนร่วมงาน Junichi Abe และทั้งสองก็แต่งงานมีลูกกันที่โตเกียวในปี 1997 และเพื่อการทุ่มเทเลี้ยงลูกสาวอย่างเต็มที่เธอจึงตัดสินใจลาออกมาจาก COMME de GARCONS แต่ก็เป็นเวลาเพียงสองปีในการเป็นแม่บ้านประจำที่ทำให้เธอหวนคิดถึงชีวิตแห่งการสร้างสรรค์ ในปี 1999 เธอจึงก่อตั้งบริษัทแฟชั่นเล็กๆ Sacai ขึ้นมาโดยเธอทำเสื้อผ้า Knitwear แฮนด์เมดเองที่บ้าน และรันบริษัทเองคนเดียวอยู่ 3 ปีก่อนจะจ้างพนักงานคนแรกชื่อ Chico Hashimoto ซึ่งในปัจจุบันยังทำงานอยู่ในฐานะ Textile Developer 

 

เธอเปิดสตูดิโอเล็กๆที่ย่าน Daikanyama กรุงโตเกียวในปี 2003 แม้เส้นทางเริ่มต้นของ Sacai เป็นเพียงก้าวเล็กๆที่เรียบง่าย แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบขาด และหัวใจหลักของการดีไซน์ที่มุ่งเน้นเสื้อผ้าที่ตัวเองอยากใส่เท่านั้น ไม่ได้ทำการตลาดหรือตามแฟชั่นกระแสหลักใดๆ

 

Carnival Fun Fact : Sacai มาจาก Chitose Sakai ชื่อสกุลก่อนแต่งงานของเธอก่อนที่ภายหลังจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อสกุลสามี Chitose Abe โดยเธอเปลี่ยนตัว K เป็นตัว C เป็นเหมือนสัญญะของการแบ่งเรื่องงานออกจากชีวิตส่วนตัว

 

 

ผลงานของ Chitose นั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการมากตั้งแต่สมัยเธอทำมือที่บ้านเองเล้วคุณภาพและสไตล์ของงานเธอเป็นที่เลื่องลือกันในวงสังคมแฟชั่นอีลีทของโตเกียว และด้วยธรรมชาติของงานมือที่มีจำนวนจำกัดมาก ถึงขั้นที่มีคนตามมาสั่งของกันถึงบ้านของเธอเลยทีเดียว โดยหัวใจสำคัญของความเป็น Sacai ตั้งแต่ต้นคือการไม่ซื้อ Fabric แต่สั่งทำเฉพาะของแต่ละดีไซน์ ด้วยสไตล์แบบ Technical wear ที่ใหม่มากในปี 1999  จึงทำให้งานออกมามีตัวตนชัดเจนไม่เหมือนใคร

 

ตัวตนของ Sacai มาจากการถอดโครงสร้างของเสื้อผ้าและผสมผสานให้กลายเป็นสิ่งใหม่ และทุกวันนี้มุมมองนี้ก็ยังเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ดั่งที่ Chitose ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2018 ว่า “เพียงเพราะว่าสิ่งนั้นเป็นแจ็คเกตไม่ได้เเปลว่ามันจะกลายไปเป็นสิ่งอื่นไม่ได้” 

 

ในปี 2006 เธอได้ทำการ Collab กับร้านคอนเซปสโตร์สายเลือดอิตาลี 10 Corso Cosmo สาขา Aoyama ในชื่อคอลเลคชั่น Sakai Gem ที่ประสบความสำเร็จจนได้ไปขายใน Dover Street Market ในปี 2008 ช่วงที่กระแสแฟชั่นของโตเกียวกำลังเฟื่องฟู เธอจัดงาน Installation ของ Sacai ขึ้นเป็นครั้งแรกและจากนั้นไม่นานก็ไปเข้าตาร้านระดับโลกอย่าง Barneys Newyork และ Colette Paris ที่นำ Sacai ไปวางจำหน่าย ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกสู่เวทีโลกของแบรนด์ Sacai ในรอบสิบปีแรกนับตั้งแต่ที่ถือกำเนิดเป็นร้านถักมือในบ้านเล็กๆเมื่อปี 1999 

 

หลังจากก้าวสู่เวทีโลกอย่างเป็นทางการเธอย้ายไปปารีสตามรอยดีไซนเนอร์ญี่ปุ่นชั้นครูหลายๆคน แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ดำเนินการตามกำหนดการของแฟชั่นวีค แต่เปิดโชว์ของตัวเองในรูปแบบ Installation แทน เริ่มด้วยงานแรกในคอลเลคชั่น Autumn Winter 2009 เป็นโชว์แรกที่ใช้โมเดลคนจริงยืนโชว์จากก่อนหน้าเธอใช้เพียงหุ่นลองเสื้อเท่านั้น

 

ในปี 2010 กับคอลเลคชั่น Spring Ready to wear เธอใช้โมเดลเดินแบบเป็นครั้งแรกแต่ก็ยังคงเรียกว่าเป็นงานแบบ Installation อยู่ ในปีเดียวกันนั้นกระแสของ Sacai เริ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ต่อมามีการเปิดสาขา Flagship Store ที่โตเกียวขึ้น และในที่สุดในปี 2012 แบรนด์ Sacai ก้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ Paris Fashion Week และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามากกว่า 20 ปีในวงการแฟชั่น เป็นเหตุให้ Sacai สามารถยืนบนเวทีชั้นนำได้อย่างไม่เขอะแขินแต่อย่างใด

 

ในปี 2014 ได้มีการร่วมมือกับ Clarks และ Vans ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนั้นแต่ยังเทียบไม่ได้กับ Collaboration ในปีต่อมาที่เรียกได้ว่าจะเป็นการร่วมมือกันที่ยิ่งใหญ่จนต้องขนานนามว่าเป็นไอคอนที่เขย่าโลกแฟชั่นสตรีทเลยทีเดียว

 

ในปัจจุบัน Sacai ได้กลายเป็นแบรนด์ Street Luxury ขึ้นหิ้งไปแล้วด้วย Collaboration ระดับตำนานมากมายตั้งแต่ Dior, Cartier, ACRONYM, The North Face, Gualtier และ KAWSเป็นเพียงตัวอย่างของการร่วมงานระดับไฮเอนด์ที่ Sacai ได้ผ่านมือมาหลากหลายครั้ง แต่กว่าจะเป็น Sacai ที่เขย่าวงการคอลแลบและก้าวข้ามทุกเส้นเขตแดนแฟชั่นในทุกวันนี้ต้องย้อนกลับไปที่ปี 2015 กับจุดเริ่มต้นของ Collaboration ระหว่าง Sacai กับ Nike

 

 




ในคอลเลคชั่น Spring Summer 2015 กับการร่วมงานกับ Nike ที่มีการเปิดตัว Technical Wear ในรูปแบบของ Street Wear สำหรับผู้หญิงซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการคอลแลบแบบนี้เกิดขึ้น ด้วยเสื้อผ้า 7 ชิ้นที่อินสไปร์จากกีฬาหลากหลายประเภทเช่น เทนนิส, วิ่ง, และอเมริกันฟุตบอล เป็นต้น ซึ่ง Chitose ได้นำสไตล์การดีไซน์ที่เป็นหัวใจหลักของ Sacai มาใช้กับวัสดุหลากหลายที่ Nike มีได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นการประยุกต์และปรับโครงสร้างของวัสดุมาผสมผสานให้เกิดดีไซน์ที่ลงตัวและในคอลเลคชั่นเดียวกันนี้เองที่เปิดตัวรองเท้า Sacai x Nike Air Max 90 ด้วยดีไซน์สุดหรูหราแปลกตา ด้วยโครงสร้าง Slip On ไร้สาย มาใน 3 คู่สีที่เรียบง่ายและทรงพลัง และยังปิดท้ายปี 2015 ด้วยอีกคู่นึงระหว่างทั้งสองแบรนด์ด้วย Sacai Dunk

 

โดยทั่วไปเมื่อแบรนด์ขนาดกลาง-เล็กได้ Collab กับ Nike แล้วประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้แบรนด์ๆนั้นอัพสถานะไปสู่การเป็นแบรนด์สุด Hypeในทันที แต่ทว่าในกรณีของ Sacai ที่ในปี 2019 ก็กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงเหมือนกับยักษ์ชนยักษ์ในการ Collaboration ในครั้งที่สองที่กำเนิดเป็นยุคใหม่ของทั้ง Nike และ Sacai เริ่มด้วยโชว์ ‘Blazer with the Dunk’ Full Collection ทั้งเสื้อผ้าและการเปิดตัว Sacai x Nike Blazer Mid ที่ช็อคโลกไปด้วย ทิศทางของดีไซน์ที่เต็มเป็นไปด้วยแก่นของความเป็น Sacai ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสาน Fabric กับสไตล์ของดีไซน์ที่ดัดแปลงโครงสร้าง แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้จบแค่ที่เสื้อผ้าเท่านั้น

 

Sacai x Nike Blazer Mid คือการผสานกันระหว่าง Nike Dunk SB และ Nike Blazer Midได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นการดัดแปลงโมเดลบาสเกตบอลที่ซับซ้อนและอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีโดยปรัชญาการดีไซน์ของ Chitose นั้นยังคงอยู่ในการดีไซน์รองเท้าไม่ต่างกับการทำงานกับเสื้อผ้าแต่อย่างใด

.

และในปี 2019 นั้นเองที่โมเดลในตำนานได้ถือกำเนิดขึ้นในชื่อ Sacai x Nike LDWaffle ที่ผสาน Nike LDV และ Nike Waffle Daybreak สองรองเท้าแห่งยุค 70 ไว้ด้วยกันอย่างลงตัวดีไซน์ของรองเท้าที่นำเอกลักษณ์ของ Sacai มาใช้ได้อย่างชาญฉลาดทำให้ซิลูเอทของคู่นี้ กลายเป็นโมเดลคลาสสิคตลอดกาลทันที และเป็นการนำหัวใจการดีไซน์อันลํ้ายุคของ Sacai มารวมไว้อย่างครบถ้วน จึงไม่แปลกใจว่าโมเดลนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และไปอยู่บนเซเลบระดับโลกนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็น LeBron James, A$ap Rocky, Hailey bieber และอีกมากมาย 

 

จากนั้นมา Sacai และ Nike ก็มีลายเซ็นดีไซน์สำคัญร่วมกันนั่นคือ Double Layer และ Double Swoosh ด้วยวัสดุพรี่เมี่ยมที่หลากหลายที่ผสมผสานเข้ากับสุนทรียศาสตร์อันมีสเน่ห์ของ Sacai ทำให้การยกระดับโมเดลในตำนานของ Nike ในแต่ละครั้งเป็นที่จับตามองของคนทั้งโลก และด้วยความแข็งแรงของดีไซน์นี้ทำให้ในปี 2021 แบรนด์ระดับตำนานอย่าง UNDERCOVER ก็มาร่วม Collab สามทางด้วยกับโมเดล Nike x Sacai x Undercover “LDWaffle” และต่อมาในปี 2022 นี้กับโมเดล Nike x Sacai Zoom Cortez เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของโมเดลระดับตำนาน "Cortez" โดยยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคของปี 1972 ไว้แต่เสริมความลํ้าสมัยในรูปแบบของ Sacai ไว้อย่างเต็มที่เช่นกัน โดยทั้งสองโมเดลที่กล่าวมาก็เคยมีโอกาสได้มาขายแบบ #CarnivalExclusive ที่ร้านของเราทั้งสองคู่

 

และสำหรับเดือนแห่งการเฉลิมฉลองนี้ Nike x Sacai Zoom Cortez ก็จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วย Sacai x Nike Cortez 4.0 ในสี Iron Grey โทนขาวดำเทา Monochrome เรียบหรูมีสเน่ห์ สะกดทุกสายตา และยังคง Double Design อันเป็นเอกลักษณ์เอาไว้อย่างครบถ้วน และยังพ่วงมาด้วยเซท Apparel ที่มีสไตล์ตามแบบฉบับของ Sacai ไม่ว่าจะเป็น T-Shirt, Trackpants, Hoodie, และ Jacket ล้วนต่างมีฟังค์ชั่นและลูกเล่นที่น่าสนใจ ด้วยงานวัสดุระดับพรีเมี่ยมกลั่นกรองออกมาด้วยดีไซน์สุดลํ้า แต่มีความเรียบง่ายที่ทำให้เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นที่ใส่ง่ายที่สุดของ Sacai x Nike เลยทีเดียว และพิเศษสุดๆสำหรับตัวรองเท้า Nike x Sacai Zoom Cortez ก็จะเป็น #CarnivalExclusive อีกครั้งนึง ขอบอกเลยว่าคอลแลบสุดพิเศษครั้งนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!

 

#nike #nikesportswear #sacai #zoomcortez #Cortez #carnivalbkk #CarnivalExclusive

By Carnivalbkk
342 view(s)
2 years ago